ก่อนที่บางคนจะอ่านแล้วว่างมงายว่าคนเมื่อกระทำกรรมไว้ ไม่สามารถแก้กรรมได้นั้น ท่านตอบตัวเองได้ไหมว่า เมื่อท่านกระทำความผิด ท่านไม่คิดจะขอโทษเพื่อลดโทษขอความเห็นใจต่อเจ้ากรรมนายเวรเลยหรือ ท่านไม่คิดที่จะสำนึกผิดแล้วทำคุณไถ่โทษบ้างเลยหรือ หรือ ทำผิดแล้วก็แล้วไป เพราะคิดว่าแก้ไม่ได้ ท่านก็จะจิตตกในความผิดนั้นๆ ไปทั้งชีวิตปลดออกจากใจไม่ได้ แล้วทำผิดซ้ำๆต่อไป เพราะว่าไหนๆก็ทำผิด แล้วแก้ไม่ได้จะผิดเพิ่มอีกก็เหมือนกัน เลยเลวได้สมบูรณ์แบบ เลวโดยบริสุทธิ์ใจ

 

ศาสนาพุทธ ไม่ได้สอนให้คนไร้สมองไร้สำนึกขนาดนั้น จึงมีบทขอขมาต่างๆ เพื่อไว้ให้คนที่เคยทำผิด ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งที่จำได้และจำไม่ได้ ได้มีการขอโทษขอขมาเพื่อจะพึงจดจำและไม่ทำผิดอีกต่อไป เพื่อเป็นการตัดกรรมที่อาจจะเผลอพลั้งทำอีก ไม่เพิ่มกรรม ในขณะเดียวกันหากเจ้ากรรมนายเวรรับรู้ ก็อาจจะยกโทษให้ในบางส่วน แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมด แต่หนักก็จะกลายเป็นเบา ในปัจจุบันก็มีให้เห็น ทำผิดสารภาพศาลลดโทษให้แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ยังต้องมีการชดใช้บ้างทางใดทางหนึ่ง หรือ เราล่วงเกินเพื่อนบ้าน หากยอมรับขอโทษกันบ้าง อะไรๆก็จะดีขึ้น แน่นอนว่าความผิดที่ทำไปย่อมไม่หายทั้งหมด อย่างน้อยก็ยังคลายไปบ้าง

 

ตัวอย่างที่กล่าวมาเป็นสิ่งที่เรารู้สัมผัสได้ด้วยกายภาพ แต่หากเป็นในสิ่งที่เรามองไม่เห็น เป็นทางจิตหรือภพ ที่ต่างออกไป ก็ย่อมจะต้องมีวิธีพิเศษเข้ามาชี้ช่อง ถึงเราจะไม่สามารถมองเห็นหรือรับรู้ได้ด้วยตา แต่เราจะรู้สึกได้ ด้วยใจคือเมื่อทำแล้วจิตจะเบาสบายขึ้นเพราะได้ทำการขอโทษไปบ้างแล้ว จำไว้ว่า หากเราไม่ยอมรับว่าเราผิด การขอโทษย่อมจะไม่เกิด การให้อภัยก็ย่อมจะไม่ประสบผลเช่นกัน

 

ศาสนาพุทธเป็นเสมือนทางสว่างแห่งบุญ แต่คนเรามีจิตที่แข็งอ่อนต่างกัน เข้าใจมากน้อยไม่เท่ากัน เช่นเดียว กับอุปมานี้ หากศาสนาเป็น ขั้นบันได คนโตกว่าแข็งแรงกว่า ย่อมเดินขึ้นบันไดได้เลย โดยไม่ต้องจับยึด ราวบันได แต่หากอ่อนกว่า อุปมาเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ยังไม่แข็งแรง ย่อมต้องอาศัยราวบันไดเป็นตัวช่วย ราวบันไดอาจจะ เป็นอะไรก็ได้ ที่เข้ามาช่วยที่ไม่ขัดกับหลักใหญ่ของศาสนา อาจจะเป็นเครื่องรางของขลังหรือพิธีกรรมก็ย่อมได้ ไม่มีห้ามไว้ใดๆ หากไม่เป็นไปเพื่อความเสื่อมแห่งศีลธรรม

 

ใครที่แข็งแรงแล้วด้วยจิตและศรัทธา ท่านสามารถที่จะข้ามเรื่องการแก้กรรมนี้ไปได้เลย แต่หากใครที่ยังคิดว่า ต้องการตัวช่วย ก็ย่อมมีสิทธิที่จะได้ข้อมูล ที่จะชี้ทางสว่างแก่เขาได้ เพื่อความเจริญแห่งศรัทธา และเข้มแข็ง ในการบำเพ็ญบุญต่อไป

 

ถ้าจะกล่าวให้ถูกตามความหมายจริง ๆ แล้ว คำว่า แก้กรรม หมายถึง หนีกรรม ไม่ใช่การลบล้างกรรม อย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ (บ่อยครั้งที่เราต้องแปลไทยเป็นไทย ให้บางคนเข้าใจ ในความหมายของภาษาไทย ที่ไม่ใช่สักแต่ว่าอ่านเป็นตัวอักษร โดยที่ไม่ยอมจะรับรู้ความหมายใด ๆ เลย)

 

บรรธน ประสพสุข.. เรียบเรียง

 

คู่มือ แก้กรรม! หนีกรรม! ทำเองได้ เรียบเรียง : จิตศรัทธา พุทธานุภาพ

โดย.. บุญรักษา พุทธานุภาพสำนักพิมพ์:-)

เผยแพร่เป็นธรรมทาน

 

คำอุทิศ

วิญญาณทุกดวงที่ตกทุกข์ได้ยาก ใช่ญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี เทวดาที่ปกปักรักษาสังขารร่างกายของข้าพเจ้าทุกๆ พระองค์ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่สืบๆ กันมา ขอให้ทุกท่านจงได้ส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย อุทิศให้ โดยทั่วถึงกัน เทอญ..

 

ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอตั้งจิต อุทิศผล

บุญกุศล นี้ไป ให้ไพศาล

ถึงมารดา บิดา และอาจารย์

ทั้งลูกหลาน ญาติมิตร สนิทกัน

คนเคยร่วม ทำงาน การทั้งหลาย

มีส่วนได้ ในกุศล ผลของฉัน

ทั้งเจ้ากรรม นายเวร และเทวัญ

ขอให้ท่าน ได้กุศล ผลบุญนี้ เทอญ.

 

 

คำนำ

 

คู่มือ แก้กรรม! ทำเองได้

เรียบเรียง : จิตศรัทธา พุทธานุภาพ

 

(ทางเว็บ the eNd poor เห็นว่ามีประโยชน์แก่คนหมู่มาก จึงขอนำขึ้นเสนอ ณ. ที่นี้)

 

 

"สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม"

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว พระองค์เป็นผู้ที่สามารถตอบปัญหา ไขปริศนาทั้งสามโลกได้ แต่ สำหรับปุถุชน นั้น เรื่องของกรรม - เวรเป็นเรื่องซับซ้อน เป้นสิ่งที่ลึกกว่าความนึกคิด คนธรรมดา หากไม่ศึกษา ก็ยากแท้ที่จะ หยั่งถึง ได้ จึงเกิดคำถามชวนสงสัยอยู่เสมอ เป็นต้นว่า

- เพราะอะไร ชีวิตถึงเป็นแบบนั้น แบบนี้

- ทำกรรมดี - กรรมชั่ว แล้วจะได้ผลเมื่อใด

ทำนองนี้เป็นต้น

 

จะอย่างไรก็ตาม ในบรรดาความสงสัยอันมากมายก่ายกองเหล่านั้น ก็อย่าเพิ่งคิดวกวน ให้สับสนจนเกินไป ขอให้ ตั้งเป็นพื้นฐานไว้ก่อนว่า กรรมนั้นมีจริง ตามที่พระพุทธองค์ทรงพิสูจน์แล้ว จากนั้นค่อยๆ แกะรอยปัญหากันไป ด้วยปัญญา หากถามถึงคามหมายนั้น แปลกันตรง ๆ

 

"กรรม" ก็คือ ผลของการกระทำนั่นเอง

ซึ่งคำว่า "กรรม" มีเหตุและผลอยู่ในตัวเองอย่างน่าพิจารณา

"เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกฎแห่งกรรมยังมีวิปัสสนากรรมฐาน" คำของ หลวงพ่อชา สุภัทโท ประโยคนี้นับว่า มีความหมายอย่างยิ่ง สำหรับมนุษย์ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และไม่ยอมปล่อยชีวิตให้ล่องลอย ไปวัน ๆ อีก ทั้งยังเป็นกำลังใจสำคัญ สำหรับผู้สนใจการแก้กรรม สะเดาะเคราะห์ และปฏบัติธรรมด้วย

แต่ก็อย่าลืมเราควรสำรวจตนเองให้ถ้วนถี่ พินิจไปใน เหตุและผล ด้วย หลังจากปฏิบัติตามคำแนะนำนี้แล้ว ก็อย่าเพิ่ง คิดเข้าข้างตนเองจนเกินไปว่า เรานั้นจะหมดกรรม ใช่ว่าใคร ๆ จะไปล้างบาป หรือหลบเลี่ยงกรรม ได้โดยง่าย

กรรมนั้นเสมือนกล้อง ที่จ้องมองเราอยู่ตลอดเวลา ในทุกๆ ขณะจิต ย้อนไปตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ถ้าเป็นภาพยนตร์ หรือละคร ก็มีภาคต่อ และต่อ ๆ ไป ไม่รู้จบสิ้น จนกว่าเราจะบรรลุสู่ มรรคผลนิพพาน ได้ ซึ่งถือว่า เป็นเป้าหมายปลายทาง ของเราชาวพุทธ เป็นภาคจบสุดท้ายที่ประเสริฐสุดนั่นเอง

แต่ระหว่างทางเดินอันยาวไกล ก่อนที่เราจะถึงดวงแก้วอันผ่องแผ้วนั้น จงจำไว้ว่า "ไม่มีสวรรค์สำหรับคนบาป" อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น หนทางชีวิตของคนเราส่วนใหญ่ จึงไม่ได้ราบรื่น เหมือนโรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เหตุเพราะกรรมเก่านั้น สร้างทางไว้ให้เราเดินอย่างไร เราก็ต้องเดินตามไปอย่างนั้นก่อน

 

แต่ในลู่ทาง เรายังมีสิทธิ์เลือกที่จะเดินไปดี ๆ ระมัดระวัง กาย - ใจ ไม่ให้หลงผิด หรือใฝ่ต่ำได้ หมั่นสร้างสมแต่ ความดี ขยันเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์แห่งกรรมดี ไปตามทาง ตลอดอายุขัย ได้เหมือนกัน

การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นภพภูมิที่เปิดกว้างให้เราสั่งสมบุญ ได้ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าเราใช้ชีวิตในชาติหนึ่ง ผิดพลั้งไป กับการทำความชั่ว ก็รังแต่จะสะสมกรรมชั่วให้เพิ่มพูน แล้วมันจะย้อนกลับมา ซ้ำเติมทำร้ายเราเองได้อีก เป็นลักษณะของ "กงกรรม กงเกวียน" เช่นนั้นเรื่อยไป...

ถึงตรงนี้ หากถามว่า เราต้องก้มหน้าชดใช้กรรมไปจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?

คำตอบคือ "ใช่" แต่ "คงไม่ใช่ทั้งหมด"

ทางออกมีอยู่ในนี้ ซึ่งจะเผยถึงเคล็ดลับดี ๆ ที่คัดสรรมาไว้ มีทั้งคาถา และวิธีการต่าง ๆ มากมาย ในการแก้กรรม ซึ่งทำเองได้ ให้คุณเลือกใช้ให้เหมาะกับ ตนเอง

พุทธานุภาพ สำนักพิมพ์ โดย จิตศรัทธา พุทธานุภาพ เป็นผู้ค้นคว้า และรวบรวมนั้น ขอยกผลบุญนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ต้องการบริจาคหนังสือ ที่มีประโยชน์เล่มนี้ เพื่อเป็นธรรมบรรณาการ ต่อ ๆ ไป

ซึ่งจะเป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่ช่วยลดเคราะห์บรรเทากรรม ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ แม้กรรมเก่าจากอดีตชาติ จะเบิกทางให้เรา เดินในชาติปัจจุบัน ด้วยหนทางอันทุรกันดาร แต่ถ้าแราหมั่นสร้างกรรมดีไว้ ให้มีพลังเหนือกว่า กรรมเก่า ที่ไม่ดี ในอดีตชาติ ใช้กรรมดีถมทับลงไป ก็จะช่วยยกระดับให้เราเดินสูงขึ้นได้ หรือแม้กระทั่ง ฉีกทางแยกออกเป็นทางใหม่ ที่สวยงามกว่าก็สามารถทำได้ ซึ่งนี่ก็คือผลของอำนาจแห่งบุญ เพราะฉะนั้นต้องหมั่นขยันสร้างสมบุญกันไว้อย่าว่างเว้น อย่าให้กรรมชั่วมาแข่งรัศมี กับกรรมดีได้ และเมื่อทำบุญทุกครั้ง ก็อย่าลืมขออโหสิกรรมด้วย...

 

ในที่สุดแล้ว หวังอย่างยิ่งว่า หนังสือ "แก้กรรม ทำเองได้" เล่มนี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อทุก ๆ ท่านที่สนใจ

 

บุญรักษา

พุทธานุภาพสำนักพิมพ์